Author: viptel asia

ทำไม PUE ไม่พออีกต่อไป? รู้จัก CUE และ WUE เพื่อ Data Center ที่ยั่งยืนกว่าเดิม ในยุคที่โลกเผชิญกับปัญหาโลกร้อนและสภาพอากาศที่รุนแรง แนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนจึงกลายเป็นหัวใจหลักของการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะ Data Center ที่ใช้พลังงานมหาศาล เมื่อทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social and Governance) ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net Zero Emission) และการก้าวสู่การเป็น Green Data Center ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเกิดแนวคิดการยกระดับเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอน และลดการใช้น้ำ เพื่อให้ Data Center ก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง Data Center ยุคใหม่จึงต้องออกแบบให้มีทั้งประสิทธิภาพ ความเสถียร และความยั่งยืนควบคู่กัน เพื่อรองรับข้อมูลมหาศาล โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้ที่ผ่านมาองค์กรต่าง ๆ จะใช้ค่า PUE (Power Usage Effectiveness) เป็นตัวชี้วัดหลักในการประเมินประสิทธิภาพของ Data Center

Liquid Cooling คือทางออก เมื่อ Air Cooling ระบายความร้อนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อระบบระบายความร้อนไม่สามารถรับมือกับความร้อนที่สูงขึ้นได้อีกต่อไป โดยเฉพาะการใช้งาน AI และ High-Performance Computing ทำให้เกิดความร้อนสะสมในตู้ Rack มากจนเกินขีดจำกัด ระบบระบายความร้อนแบบ Air Cooling จึงไม่สามารถรองรับภาระงานที่หนักขึ้นได้อีก Data Center จึงต้องมองหาทางเลือกใหม่ที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังมากกว่าเดิมการระบายความร้อนด้วยของเหลวหรือ Liquid Cooling จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด  Liquid Cooling คืออะไร Liquid Cooling สำหรับงานระบายความร้อนใน Data Center คือเทคโนโลยีที่ใช้ของเหลวไหลผ่านหรือสัมผัสกับชิ้นส่วนที่ร้อน เช่น CPU หรือ GPU เพื่อดูดความร้อนออก จากนั้นของเหลวที่รับความร้อนจะถูกส่งต่อไปยัง External Cooling เช่น Cooling Tower เพื่อกระจายความร้อนออกสู่ข้างนอก กระบวนการนี้ทำให้ Liquid Cooling เข้ามาพลิกโฉมวงการ Data Center เพราะช่วยลดอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรองรับภาระงาน

WUE (Water Usage Effectiveness) ในบทความก่อนหน้า เราได้พูดถึง PUE ซึ่งเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานใน Data Center แต่การบริหารศูนย์ข้อมูลให้ยั่งยืน ไม่ได้หยุดแค่เรื่องพลังงานเท่านั้น “น้ำ” คือทรัพยากรสำคัญที่มักถูกใช้ในระบบทำความเย็น และที่น่ากังวลคือ หากไม่มีการจัดการที่ดี อาจนำไปสู่ การสิ้นเปลืองทรัพยากร หรือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ได้โดยไม่รู้ตัวบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ WUE (Water Usage Effectiveness) เป็นตัววัดที่ช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่า Data Center ใช้น้ำคุ้มค่าแค่ไหน WUE คืออะไร? WUE (Water Usage Effectiveness) คือ คือ ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการใช้น้ำใน Data Center โดยใช้เพื่อประเมินว่าศูนย์ข้อมูลนั้นใช้ทรัพยากรน้ำได้คุ้มค่าแค่ไหนในการระบายความร้อน WUE หรือ ประสิทธิภาพการใช้น้ำคำนวณอย่างไร? ตัวอย่างเช่น หาก Data Center ใช้น้ำเพื่อระบบทำความเย็นรวม 4,000 ลิตร ต่อวัน และใช้พลังงานกับอุปกรณ์ IT จริง

PUE (Power Usage Effectiveness) ในบทความนี้ เราจะเริ่มจากการทำความเข้าใจตัวชี้วัดตัวแรกอย่าง PUE (Power Usage Effectiveness) ซึ่งเป็นค่าที่องค์กรทั่วโลกใช้เพื่อวัด “ความคุ้มค่าในการใช้พลังงาน” ของ Data Center หากคุณอยากรู้ว่าใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน… บทความนี้จะให้คำตอบกับคุณ PUE คืออะไร? PUE (Power Usage Effectiveness) คือค่าที่ใช้วัด “ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน” ใน Data Center โดยเปรียบเทียบระหว่างพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมด กับพลังงานที่ถูกนำไปใช้กับอุปกรณ์ IT จริง ๆ เช่น Server และ Storage ยิ่งค่า PUE ต่ำ แสดงว่าศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานได้คุ้มค่ามากขึ้น PUE หรือ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานคำนวณอย่างไร? ตัวอย่างเช่น หาก Data Center ใช้ไฟรวม 1,000 kWh และใช้กับอุปกรณ์ IT จริง 500

ค่าดัชนีใน Data Center คืออะไร? ในโลกยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยข้อมูล “Data Center” กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ คลาวด์ และระบบไอทีของทุกองค์กร ตั้งแต่ระดับ SME ไปจนถึงองค์กรระดับโลก เบื้องหลังความเสถียรและความเร็วเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้พลังงานจำนวนมหาศาล ทั้งไฟฟ้า น้ำ และยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่สิ่งแวดล้อมอีกด้วย ดังนั้น เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างยั่งยืน และควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรต่าง ๆ จึงต้องใช้ “ตัวชี้วัด” เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ความยั่งยืน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ของ Data Center อยู่เสมอ ค่าดัชนีที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย มีทั้งหมด 3 ค่า คือ PUE (Power Usage Effectiveness)วัดการใช้พลังงานใน Data Center WUE (Water Usage Effectiveness)วัดการใช้น้ำใน Data Center CUE (Carbon Usage Effectiveness)วัดการปล่อยคาร์บอนจาก

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตและข้อมูลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ขับรถใช้ GPS ทำธุรกรรมทางการเงิน หรือแม้แต่การใช้บริการในโรงพยาบาลและหน่วยงานต่าง ๆ แต่เคยรู้หรือไม่ว่าข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดเก็บอยู่ที่ไหนและกระบวนการประมวลผลเกิดขึ้นได้อย่างไร ลองนึกถึงคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลข้อมูลตลอดเวลา แต่ด้วยข้อมูลที่มีมากมายมหาศาลทั่วโลกนั้น จึงต้องใช้คอมพิวเตอร์จำนวนมากในการจัดการข้อมูลเหล่านี้ และสถานที่ที่รวมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไอทีทั้งหมดไว้ก็คือ Data Center หรือ “ศูนย์ข้อมูล” นั่นเอง Data Center คืออะไร ? Data Center คือสถานที่ที่ใช้จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ภายในมีทั้งเซิร์ฟเวอร์ อุปกรณ์เครือข่าย และระบบสนับสนุนต่าง ๆ ที่ทำให้ระบบทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในอดีต ศูนย์ข้อมูลถูกใช้สำหรับจัดเก็บข้อมูลขององค์กรเป็นหลัก ต่อมาธุรกิจเริ่มย้ายระบบขึ้นออนไลน์เพื่อลดภาระการดูแล ในขณะที่ผู้คนทั่วไปก็ใช้งานบริการอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้ Data Center ต้องขยายตัวรองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก ปัจจุบัน เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทอย่างรวดเร็ว ทำให้ Data Center ต้องรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อนและใช้พลังงานสูง จึงต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งด้านประสิทธิภาพและอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน ทำไม Data Center ถึงสำคัญ ? Data

CUE (Carbon Usage Effectiveness) แม้จะมีค่า PUE และ WUE ต่ำ แต่หากยังใช้พลังงานจากแหล่งที่ปล่อยคาร์บอนสูง ศูนย์ข้อมูลก็ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ดี CUE  จึงถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญ ที่ช่วยวิเคราะห์ว่า Data Center ปล่อยคาร์บอนมากน้อยเพียงใดต่อการใช้พลังงานจริงของอุปกรณ์ ITติดตามต่อในบทความนี้ เพื่อทำความเข้าใจวิธีคำนวณ CUE แนวทางลดการปล่อยคาร์บอน และตัวอย่าง Data Center ที่ใช้พลังงานสะอาดจนมีค่า CUE ต่ำใกล้ศูนย์ CUE คืออะไร? CUE (Carbon Usage Effectiveness) คือ ดัชนีที่ใช้วัดประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในแง่ของการปล่อยคาร์บอนหรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา เทียบกับพลังงานที่ใช้งานโดยอุปกรณ์ IT CUE หรือ ปริมาณการปล่อยคาร์บอนคำนวณอย่างไร? ยิ่งค่า CUE ต่ำ ยิ่งแสดงว่า Data Center ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น หาก Data Center ใใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด